.

นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้จัดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมนโยบายการเงินในวันพุธ (22 มี.ค.) โดยสำนักข่าวซีเอ็นบีซีได้เรียบเรียงประเด็นต่าง ๆ ที่นายพาวเวลกล่าวถึงดังต่อไปนี้

 

* เฟดจะใช้เครื่องมือทั้งหมดที่มีเพื่อปกป้องระบบธนาคารของสหรัฐ

 

นายพาวเวลเปิดการแถลงข่าวด้วยการพูดถึงระบบธนาคารของสหรัฐว่า “ระบบธนาคารของเรายังคงแข็งแกร่งและมีความยืดหยุ่น โดยมีฐานเงินทุนและสภาพคล่องที่มากเพียงพอ เฟดยังคงติดตามสถานการณ์ในระบบธนาคารอย่างใกล้ชิด และเราพร้อมที่จะใช้เครื่องมือทั้งหมดที่มีอยู่เพื่อปกป้องระบบธนาคารให้มีความปลอดภัยและแข็งแกร่ง นอกจากนี้ เราพร้อมที่จะเรียนรู้บทเรียนที่เกิดขึ้นจากวิกฤตการณ์ในครั้งนี้ และจะดำเนินการเพื่อป้องกันไม่ให้วิกฤตการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นซ้ำอีกในอนาคต”

 

* ปัญหาของธนาคารภูมิภาคอาจส่งผลให้เกิดภาวะตึงตัวด้านสินเชื่อ

“เราเชื่อว่าปัญหาที่เกิดขึ้นในระบบธนาคารในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมานั้น จะส่งผลให้เกิดภาวะตึงตัวด้านสินเชื่อต่อภาคธุรกิจและภาคครัวเรือน และท้ายที่สุดแล้วจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม

 

“เรามองว่าในขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะระบุขอบข่ายของผลกระทบเหล่านี้ และยังเร็วเกินไปที่จะตัดสินใจได้ว่า เฟดควรจะใช้นโยบายการเงินตอบสนองเรื่องนี้อย่างไร ด้วยเหตุนี้ในแถลงการณ์ของคณะกรรมการเฟดจึงไม่มีการใช้คำว่า การเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยถือเป็นเรื่องที่เหมาะสม แต่เราเปลี่ยนมาใช้คำว่า ‘การปรับเพิ่มกรอบเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยขึ้นอีกระดับหนึ่งในวันข้างหน้าถือเป็นเรื่องที่เหมาะสม โดยเราจะจับตาข้อมูลที่จะได้รับในวันข้างหน้า และจะประเมินว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงรุกในช่วงที่ผ่านมานั้นมีผลกระทบอย่างไรต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ตลาดแรงงาน และเงินเฟ้อ แต่ในขณะเดียวกันคณะกรรมการเฟดก็ยังคงยึดมั่นในจุดยืนที่จะฉุดเงินเฟ้อให้กลับสู่เป้าหมายที่ระดับ 2%”

 

* เฟดพร้อมขึ้นดอกเบี้ยอีกหากจำเป็น เพื่อสกัดเงินเฟ้อ

 

นายพาวเวลส่งสัญญาณในระหว่างการแถลงข่าวครั้งนี้ว่า “เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก หากจำเป็นในการควบคุมเงินเฟ้อ แม้เรารู้ว่าภาวะตึงตัวด้านสินเชื่อที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจมหภาค แต่แน่นอนว่า เฟดจะดำเนินนโยบายคุมเข้มด้านการเงินต่อไปเพื่อฉุดเงินเฟ้อให้กลับสู่เป้าหมายที่ระดับ 2%”

 

* เงินฝากในภาคธนาคารยังคงมีเสถียรภาพในสัปดาห์ที่ผ่านมา

 

นายพาวเวลกล่าวว่า เม็ดเงินฝากในระบบธนาคารของสหรัฐยังคงมีเสถียรภาพในสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากเกิดวิกฤตการณ์แห่ถอนเงินจากธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ (SVB) จนเป็นเหตุให้ธนาคารแห่งนี้ล้มละลาย และทำให้หน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงินของสหรัฐต้องใช้มาตรการฉุกเฉินเพื่อฟื้นฟูระบบธนาคาร

 

“เราได้ออกมาตรการที่แข็งแกร่งร่วมกับกระทรวงการคลังสหรัฐ และบรรษัทค้ำประกันเงินฝากของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FDIC) เพื่อแสดงให้เห็นว่าเงินฝากของประชาชนมีความปลอดภัย” เขากล่าว

 

* SVB มีการบริหารจัดการที่ย่ำแย่ แต่เชื่อว่าผลกระทบจะไม่บานปลาย

 

นายพาวเวลได้กล่าวถึงกรณีของธนาคาร SVB ว่า ธนาคารแห่งนี้มีระบบการบริหารจัดการที่ “ย่ำแย่” อย่างไรก็ดี เขาเชื่อว่าวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นจากการล้มละลายของ SVB จะไม่ลุกลามจนสร้างความเสียหายต่อระบบธนาคารของสหรัฐ

 

“เรายังไม่พบว่าวิกฤตการณ์ของ SVB ทำให้ระบบการเงินของสหรัฐอ่อนแอลง” นายพาวเวลกล่าว

 

* พาวเวลขานรับมาตรการตรวจสอบการล้มละลายของ SVB

 

นายพาวเวลกล่าวในช่วงท้ายของการแถลงข่าวว่า เขาสนับสนุนให้บุคคลภายนอกเข้ามาตรวจสอบระบบธนาคาร หลังจากการล้มละลายของธนาคาร SVB โดยเขาระบุว่า “การตรวจสอบเรื่องนี้ควรมีความเป็นอิสระแบบ 100% เพื่อพิสูจน์ว่าเกิดอะไรขึ้นกับ SVB และเฟดยินดีสนับสนุนการตรวจสอบในครั้งนี้ ในขณะเดียวกันเฟดก็มีกระบวนการตรวจสอบในเรื่องนี้ของเราเองเช่นกัน”

 

สำหรับการประชุมเฟดในครั้งนี้ ที่ประชุมมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 4.75-5.00% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2550

 

ทั้งนี้ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ และเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 9 ติดต่อกันนับตั้งแต่ที่เฟดเริ่มวัฏจักรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค. 2565

 

ที่่มา  สำนักข่าวอินโฟเควสท์