สิ่งที่ควรรู้จากการประชุมเฟดครั้งนี้

.
การประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 19-20 มี.ค. เฟดมีมติตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ติดต่อกันเป็นครั้งที่ 5 เป็นไปตามที่ตลาด
Dot Plot หรือประมาณการอัตราดอกเบี้ยยังคงเดิม สะท้อนให้เห็นว่าปีนี้เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ย 0.75% หรือลด 3 ครั้งๆ ละ 0.25% ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดิมในเดือนธ.ค.2566 ถึงแม้ว่าเงินเฟ้อเดือนก.พ.พุ่งขึ้นและสูงกว่าตลาดคาด ส่วนในปี 2568 จะลดอัตราดอกเบี้ย 0.75% หรือลด 3 ครั้งๆ ละ 0.25% จากเดิมในเดือนธ.ค.2566 เฟดคาดจะลดอัตราดอกเบี้ย 1% หรือ 4 ครั้ง

.
นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ให้ความเห็นที่เป็นสายพิราบเล็กน้อย แถลงว่า แม้ตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐจะออกมาสูงเกินคาดเมื่อไม่นานมานี้ แต่มุมมองของเฟดยังคาดว่าเงินเฟ้อจะชะลอตัวลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป ตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งจะไม่เป็นปัจจัยที่ทำให้เฟดลังเลในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย
แถลงการณ์ของคณะกรรมการเฟด ระบุว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจขยายตัวในอัตราที่แข็งแกร่ง ขณะที่การจ้างงานก็ยังคงมีความแข็งแกร่ง และอัตราว่างงานยังคงอยู่ในระดับต่ำ ส่วนอัตราเงินเฟ้อชะลอตัวลงในปีที่แล้ว แต่ยังคงอยู่ในระดับสูง
ในมุมมองของตลาดมั่นใจมากขึ้นว่าเฟดจะเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในการประชุมเดือนมิ.ย.ซึ่งล่าสุดมีโอกาส 67% จาก 55% และในปีนี้คาดเฟดจะลดอัตราดอกเบี้ย 0.75% หรือลด 3 ครั้ง

.
ทั้งราคาทอง Spot และราคาทองในประเทศปรับขึ้นแรง ทำ All-time high แตะ 2,222 ดอลลาร์ และเช้าวันนี้ราคาทองแท่งในประเทศขายออก 37,550 บาท สาเหตุที่ราคาทองปรับขึ้นแรงคาดว่าบรรดาเทรดเดอร์บางส่วนคาดเฟดอาจจะอัตราดอกเบี้ยเพียง 2 ครั้งปีนี้

.

ที่น่าสนใจมีรายงานจากหัวหน้ากลยุทธ์ Commodity ของ Saxo Bank ว่า Hedge Fund เข้าซื้อสูงถึง 285 ตันในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา อัตรา Long/Short สูงถึง 6.2 เท่าสูงสุดในรอบ 10 เดือน

.

แนวโน้มราคาทองคำ Spot เป็นขาขึ้นอย่างชัดเจน โดยเกิดกราฟแท่งเทียนเขียวยาว สะท้อนแรงซื้อและความมั่นใจของนักลงทุน โดยมีแนวต้าน 2,222 ดอลลาร์ และ 2,230 ดอลลาร์ ทองแท่งแนวต้าน 37,700 บาท และ 37,800 บาท แนวโน้มราคาทองคำที่เป็นขาขึ้น แม้ว่าวันนี้อาจมีแรงเทขายออกมาบ้าง ดังนั้นการลงทุนในทองแท่งแนะนำถือต่อไปได้ (Let Profit Run)